Error Code Canon Pixma MP287

Canon Pixma รุ่น MP287

คุณสมบัติ

- ความสามารถ Printer, Copier, Scanner

- เทคโนโลยีการพิมพ์ Inkjet

- ความละเอียดในการพิมพ์ 4800 x 1200 dpi

- ความเร็วในการพิมพ์ ขาว/ดำ 8.4 ipm

- ความเร็วในการพิมพ์สี 4.8 ipm

- ความละเอียดในการสแกน 1200 x 2400

- มาตรฐานการเชื่อมต่อ USB 2.0 Hi-Speed

 -น้ำหนัก 3 กิโลกรัม

Error Code Canon Pixma MP287 โดยดูจากรหัสที่ขึ้น ( LED Display )

Error Code หมายถึงรหัสที่แสดงถึงความผิดปกติของเครื่องปริ้นเตอร์ ซึ่งรหัสแต่ละแบบจะมีความหมายต่างกัน เมื่อเรารู้ความหมายของรหัส ก็จะสามารถตรวจซ่อมหรือแก้ไขปัญหาได้ถูกจุด 

Error Code Canon pixma MP287 โดยดูจากรหัสที่ขึ้น ( LED Display )

1. E02   มีปัญหาที่ระบบดึงกระดาษ ให้ตรวจเช็คช่องใส่กระดาษว่ามีกระดาษหรือไม่ หรือหากดึงแล้วเข้าไปค้างอาจจะมีสิ่งของตกลงไปให้นำสิ่งของนั้นออก วิธีการดึงกระดาษออกให้ปิดเครื่องก่อนดึงทุกครั้ง และควรดึงตามทางออกของกระดาษเสมอ เพื่อป้องกันชุดเฟืองของชุดดึงกระดาษเสีย ยกเว้นกระดาษถูกดึงเข้าไปเพียงเล็กน้อยให้ดึงออกทางช่องที่ใส่

         2. E03     ช่องใส่กระดาษไม่ได้ถูกเปิด หรือมีกระดาษติดให้ใช้วิธีเดียวกับ E02

        3. E04,E05 เครื่องไม่รู้จักตลับหมึก ดำหรือสี  วิธีแก้ให้ลองทำความละอาดลายวงจรด้านหลังตลับแล้วใส่เข้าไปใหม่ หากไม่หายส่วนมากตลับจะเสีย

        4. E07     ตลับหมึกไม่ได้ติดตั้งตำแหน่งที่ถูกต้อง มีปัญหาที่ตัวตลับให้ลองแก้ในข้อ 3 หรือบางครั้งอาจจะเกิดจากลายวงจรไม่สัมผัสกับแผงของตัวรับของเครื่อง

        5. E08     แผ่นซับหมึกเกือบเต็ม กดปุ่ม Copy ดำหรือสี วิธีแก้เครื่องจะทำงานต่อ

        6. E13     ไม่สามารถตรวจสอบระดับหมึกได้ วิธีแก้ให้กดปุ่ม STOP/RESET ค้างไว้ประมาณ  10 วินาที

        7. E14     ฟ้องเกี่ยวกับตลับหมึก ดูที่ข้อ 3

        8. E15     ฟ้องเกี่ยวกับตลับหมึก ดูที่ข้อ 3

        9. E16     ฟ้องหมึกหมด วิธีแก้ให้กดปุ่ม STOP/RESET ค้างไว้ประมาณ  10 วินาที

        10. E30   ฟ้องเกี่ยวกับการตั้งค่าของเอกสาร ให้กลับไปดูการค่าว่าตั้งค่าตรงกันหรือไม่

เครื่องพิมพ์ (Printer)

เครื่องพิมพ์ (Printer) 

     หมายถึง อุปกรณ์ที่รับสัญญาณตรงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อพิมพ์งานออกมาเป็น ข้อความ ภาพ ลงบนกระดาษ หรือวัตถุอื่นในประเภทเดียวกัน

     เครื่องพิมพ์ (Printer) แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้

1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)   

         เป็นเครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้งานกันแพร่หลาย เนื่องจากราคาและคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันหัวเข็มจะกระแทกผ่านผ้าหมึกลงบนกระดาษ ความคมชัดของข้อมูลบนกระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด (Dot) ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็วของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์จะใช้กับกระดาษที่เป็นสำเนา Copy และกระดาษจะเป็นแบบต่อเนื่องกระดาษจะมีรูอยู่ข้างๆ เพื่อที่หนามเตยของเครื่องพิมพ์จะได้เลื่อนกระดาษ นิยมใช้ในสำนักงานที่ต้องการงานเอกสารที่ต้องมีสำเนา เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบเสนอราคา เป็นต้น ไม่นิยมใช้ในงานที่มีความละเอียดสูงเช่น งานเอกสารทั่วไป หรือรูปภาพ เพราะคุณภาพงานพิมพ์ต่ำเมื่อเทียบกับ Printer ประเภทอื่นๆ และมีเสียงดังขณะพิมพ์งาน

รูปที่ 1.1 เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer) 

  

รูปที่ 1.2  กระดาษแบบสำเนาและแบบต่อเนื่อง

2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)   

        เครื่องพิมพ์พ่นหมึก สามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันงานพิมพ์กราฟิกที่ให้ผลลัพธ์คมชัดมาก คุณภาพงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับและการใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย เช่นงานเอกสารต่าง ๆ รูปภาพ เป็นต้น ใช้เทคโนโลยีในการพิมพ์แบบพ่นหมึกพิมพ์ เป็นหยด ๆ ลงบนกระดาษ การใช้งาน มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการพิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute) ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก สามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้ง “พอร์ทเทรต” (Portrait) และแนวนอน “แลนด์สเคป” (Landscape) โดยกระดาษจะถูกป้อนเข้าไปในเครื่องพิมพ์ทีละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิน A3 มีสินค้าให้เลือกหลายรุ่นตามระดับราคาและฟังก์ชันที่ต้องการ

 

                                   รูปที่ 2.1  เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer) 

3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)   

      ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือ การยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพหรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมามีคุณภาพสูงมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer) สามารถพิมพ์ได้หลายสิบหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ หรืองานที่ต้องการความคมชัดและสวยงามมากกว่าการพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยทั่วไป  เช่นรูปภาพ โปสเตอร์ งานตกแต่งภายใน หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPM (Page Per Minute) เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และแบบสี

 

รูปที่ 3.1  เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) 

4. เครื่องพิมพ์พล็อตเตอร์ (plotter)    

     เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงาน พล็อตเตอร์ทำงานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงานของ พล็อตเตอร์มีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พล็อตเตอร์สามารถ เลื่อนปากกาไปบนกระดาษการใช้งานเหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก งานพิมพ์ขนาดใหญ่มีหน้ากว้าง เหมาะสำหรับทำงานด้านป้ายหรือโฆษณา และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่างๆ

                                 รูปที่ 4.1  เครื่องพิมพ์พล็อตเตอร์ (Plotter) 

Canon iPF750 wide format printer plotter

5. เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน (Multifunction)    

        เป็นเครื่องพิมพ์ออลอินวัน (All in one) เป็นการผสมผสานฟังก์ชั่นการทำงานของอุปกรณ์หลายๆส่วนในชุดเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และ เครื่องสแกนเนอร์ เป็นต้น สามารถ scan, copy หรือรับ-ส่งแฟ็กซ์ ได้ในตัวเอง ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งาน  ส่วนประกอบของเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน แต่ละรุ่น อาจจะมีประส่วนประกอบแตกต่างกันออกไป เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน เหมาะใช้กับงานกับกลุ่มนักธุรกิจ ออฟฟิศ สถานประกอบต่างๆ เพราะสะดวก เรียบง่าย ไม่กินพื้นที่มากเกินไป สามารถใช้ทำงานได้หลายแบบในเครื่องเดียว

 

                                  รูปที่ 5.1 เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน (Multifunction)

6. เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal Printer)  

           เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการให้ความร้อนแก่กระดาษโดยไม่ต้องใช้หมึก เช่นแบบที่ใช้ในการพิมพ์ใบเสร็จจากเครื่อง ATM หรือใบเสร็จที่มาจากเครื่อง POS เครื่องแคชเชียร์คิดเงินตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ เครื่องปริ้นบาร์โค้ด ใช้กับกระดาษเคมี (กระดาษความร้อน) มีข้อดีคือประหยัดหมึก พิมพ์ได้รวดเร็ว แต่ข้อเสียก็คือข้อความในกระดาษจะเลือนลางได้ง่าย ไม่เหมาะสำหรับเก็บไว้เป็นหลักฐานเพราะสีจะซีด 

รูปที่ 6.1 เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal Printer)

เครื่องปริ้นใบเสร็จความร้อนผ่าน Wifi

เรียบเรียงโดย : อภิรักษ์ รักษากุล